Honda จัดงานใหญ่ประจำปีกับงาน Honda Meeting 2017 ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อประกาศนโยบายแห่งปี 2030 โดยมีเนื้อหาหลักอยู่ที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อการเป็นสังคมแห่งความปลอดภัยด้านการขับขี่ที่ไม่น่าเบื่ออย่างที่หลายคนคาดคิด
แน่นอนว่าหัวใจหลักก็คือการพูดถึงเทคโนโลยี ตัวสินค้าและที่สำคัญก็คือการสร้างความสุขในการใช้งานสินค้าต่าง ๆ ซึ่ง ทาคาชิโร่ ฮาจิโกะ ซีอีโอของฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ค่อนข้างที่จะเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้ประสานกันไปอย่างเต็มที่
ฮาจิโกะบอกว่าเป้าหมายของฮอนด้าในการเดินทางไปสู่ปี 2050 ที่องค์กรจะมีอายุเกิน 100 ปี จะต้องผ่านความสำเร็จของปี 2030 ก่อน ทำให้เขาต้องมานั่งคิดถึงจุดอ่อนจุดแข็งขององค์กร ว่าฮอนด้ามีอะไรและควรจะพัฒนาอะไรไปในทิศทางไหน
และเขาก็พบว่าจุดแข็งของฮอนด้าว่าอยู่ที่ 2 เรื่องหลัก หนึ่ง ฮอนด้ามีการพัฒนาสินค้าที่หลากหลายและครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์เอนกประสงค์ ที่มีการผลิตและจำหน่ายในตลาดสำคัญทั่วโลกอยู่ในปัจจุบัน
อีกเรื่องก็คือ บริษัทนั้นมีฐานลูกค้าที่ใหญ่มากถึงกว่า 28 ล้านคนทั่วโลก ฮอนด้าจำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการสร้างวิวัฒนาการของการเดินทางและการสร้างมูลค่าใหม่ ให้ทุกคนรู้สึกดีใจที่ได้เดินทางขึ้นมา
“เราจำเป็นที่จะต้องสร้าง ขยายและส่งต่อความสุขในการเดินทางให้เกิดขึ้นจริง เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร โดยจะเริ่มจากเรื่องของตัวสินค้าที่มีการพัฒนาที่แตกต่างไปตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการใส่จุดแข็งที่เรามีอยู่ ร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย”
และแน่นอนว่านอกจากจุดแข็งของฮอนด้าที่พัฒนาในเรื่องรูปร่างหน้าตาและเครื่องยนต์แล้ว ฮอนด้าได้ร่วมมือกับพันธมิตรมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นจีเอ็ม, ฮิตาชิ, ยามาฮ่า, แกร็บ และเวย์โม ในการร่วมมือกันสร้างวิวัฒนาการแห่งโลกยานยนต์ร่วมกันไป
ในงานมีตติ้งที่เกิดขึ้น จึงเป็นเหมือนสถานที่จัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของฮอนด้าที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ เทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือในการขับขี่รถจักรยานยนต์ และการจัดแสดงสินค้าใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต
ฮาจิโกะบอกว่า การทำงานในฐานะซีอีโอในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของเขานั้น เขาเน้นที่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับสินค้าทั้งสินค้าระดับโกลบอลที่จำหน่ายไปทั่วโลก อาทิ ฮอนด้า เอขอาร์วี, ฮอนด้า ซีวิค ที่เริ่มขายในประเทศญี่ปุ่น หรือ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่จะวางขายในสหรัฐอเมริกา
ไฮไลท์ของสินค้าที่จะเป็นโกลบอลสำหรับปีนี้ ก็คือการเปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวเจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับตลาดโลกในปีนี้ ซึ่งแอคคอร์ดใหม่จะมาพร้อมรูปลักษณ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ติดตั้งเข้ามาอย่างเต็มพิกัดสำหรับตลาดต่าง ๆ
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังเดินหน้าพัฒนาสินค้าระดับภูมิภาคให้มีความเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า โมบิลิโอ และฮอนด้า บีอาร์-วี ที่มีการจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย ฮอนด้า ริดจ์ไลน์ และฮอนด้า โอดิสซีย์ สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ หรือแม้แต่ฮอนด้าหลายโมเดลสำหรับประเทศจีน
แน่นอนว่า แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีโมเดลเฉพาะประเทศอย่าง ฮอนด้า เอ็น-บอกซ์ ที่ทำตลาดอย่างหลากหลาย และจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ปลายปีนี้ ที่จะมีการใส่เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น
“เรามีแผนที่จะเปิดตัวดีไซน์รูปแบบใหม่ของฮอนด้าในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ รวมถึงการขับขี่แบบอินูมามะ (Inumama = ตามใจ) รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายเพื่อความเข้มแข็งในระดับโลกในด้านการผลิต เพื่อการเดินหน้าสู่สังคมไร้คาร์บอนและปลอดอุบัติเหตุ”
ฮาจิโกะยอมรับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และฮอนด้าเองก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มองไปถึงการนำระบบไฟฟ้ามาติดตั้งในรถยนต์ โดยมองว่า 2 ใน 3 ของรถยนต์ที่จำหน่ายโดยฮอนด้าในปี 2030 จะมีไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
และหากมองให้ลึกลงไปในตัวเลขดังกล่าว ฮอนด้าประเมินว่ารถยนต์กลุ่มที่ยังมีเครื่องยนต์อยู่อย่างไฮบริดและปลั๊กอิน ไฮบริดน่าจะมีสัดส่วนที่สูงกว่าคือราว 50% ของยอดขายทั้งหมด และอีก 15% จะมาจากกลุ่มไฟฟ้าที่ปราศจากมลพิษ 100%
แผนงานหลักในยการเจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็คือการขยายการจำหน่ายรถยนต์ไฮบริด ปรับแพลตฟอร์มของรถปลั๊กอินไฮบริดให้มากกว่าครึ่งนึงของรถที่จำหน่าย รวมถึงการขยายโฒเลใหม่ ๆ อาทิ ฮอนด้า คลาริตี้ ที่จะจำหน่ายในจีนเพิ่มเติมในปี 2018
“เราตั้งแผนก Electric Vehicle Developmemnt Division ขึ้นมาเพื่อการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเรามีแผนที่จะเดินหน้าผลักดันตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่อย่างแน่นอนในช่วงปลายปี”
ซีอีโอของฮอนด้าระบุว่าฮอนด้ามีแผนที่จะเปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้าในปี 2018 โดยอยู่ระหว่างการทดสอบสินค้ากับเจแปน โพสต์ในปัจจุบัน โดยจะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งจะพัฒนาต่อเนื่องไปใช้กับรถยนต์ในอนาคต
ขณะที่เรื่องของความปลอดภัยบนั้น ฮอนด้าเริ่มต้นด้วยการนำระบบ Honda Sensing เข้ามาใช้งานมากขึ้น โดยจะมีการติดตั้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาเหนือ ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ
แน่นอนว่าต้องมีคำถามเกี่ยวกับรถยนต์ขับอัตโนมัติที่ฮอนด้าพัฒนาภายใต้โครงการ Honda Automated Driving ที่ฮาจิโกะระบุว่าฮอนด้าต้องการสร้างสังคมไร้อุบัติเหตุ ที่ทุกคนต้องสามารถเดินทางได้อย่างสนุกสนาน มีเสรีภาพและปลอดอุบัติเหตุ
“เป้าหมายของเราคือการสร้างสินค้าที่จะยังคงความสนุกสนานในการขับขี่ ต้องไม่มีความเสี่ยงใดใดเกิดขึ้นในการใช้งาน เพื่อที่จะทำให้ทุกคนยังคงรู้สึกอยากเดินทางตลอดเวลา โดยรถยนต์อัตโนมัติสำหรับทางด่วนจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2020 เป็นต้นไป”
จากนั้นก็จะถึงคราวของการขยายออกไปสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานบนถนนทั่วไปเพื่อขยายการใช้งานให้กว้างขวาง โดยฮอนด้ามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์อัตโนมัติ เลเวล 4 สำหรับการใช้งานแบบครบวงจรให้ได้ภายในปี 2025 อย่างแน่นอน
และทั้งหมดนี่ก็คือวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเบอร์ 1 ของฮอนด้า ซึ่งนอกจากมานั่งฟังฮาจิโกะแล้ว ในทริปนี้เราได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลองรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่อยู่ระหว่างการทดสอบ การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการลองขับรถอีกหลากหลายคัน
เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะทยอยลงเรื่องที่น่าสนใจสำหรับทริปนี้ออกมาเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน ติดตามกันได้เลย...
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถยนต์ใหม่และรถมือสอง ตรวจสอบราคา เชิญที่นี่
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น