[Test Drive] บททดสอบกับ BMW Series3 & BMW X5 ใหม่ จะหรูหรือจะลุย Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

[Test Drive] บททดสอบกับ BMW Series3 & BMW X5 ใหม่ จะหรูหรือจะลุย

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 20 May 2562

เปิดประสบการณ์กับบีเอ็มดับเบิลยู 320d  Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport กับการทดลองขับ BMW Series3 & BMW X5 ใหม่


รีวิว BMW Series3 & BMW X5 ใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดประสบการณ์การทดสอบ บีเอ็มดับเบิลยู 320d  Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive30d M Sport ให้ได้สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ทั้งบนเส้นออนโรด ออฟโรด พร้อมพาโลดแล่นบนท้องถนนจริง และทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคตกันอย่างเต็มเปี่ยม ในกิจกรรมทดสอบรถยนต์ BMW Series3 & BMW X5 ใหม่ สุดพิเศษ ณ สนามปทุมธานีสปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี

รถที่ใช้ในการทดสอบมีด้วยกัน 3 รุ่น เริ่มต้นด้วย 330i กับชุดแต่ง M Sport เสริมรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและสมรรถนะปราดเปรียว ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง ชุดเบรก และชุดแอโรไดนามิคส์ แบบ M Sport ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้วลาย Double Spoke พร้อมยางที่ขนาดต่างกันโดยล้อหน้าได้ยางขนาด 225/45 R18 และขนาด 255/45 R18 ในล้อหลังเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด

ด้านหน้าของตัวรถมาในรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด รับกับช่องดักอากาศรูปทรง T เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ด้านหน้าของรถ

ด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar มอบมิติ ไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และ ท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

BMW Series3 & BMW X5 ใหม่ทดลองขับ BMW Series3 & BMW X5 ใหม่รีวิว BMW Series3 & BMW X5 ใหม่

การออกแบบโครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 มอบการควบคุมที่เฉียบคมและปราดเปรียวยิ่งขึ้น ผสมผสานทั้งความสปอร์ตและความนุ่มสบายไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยประสิทธิภาพของชุดเบรกที่เหนือชั้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50

นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักที่เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 55 กิโลกรัม จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่าง ๆ เช่น กระโปรงและกันชนหน้า ส่วนการออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำถึง 0.26 ลดลง 0.03 จากรุ่นก่อนหน้า ทั้งจากระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศ ผ่าน Air Curtains ที่ช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มิติของตัวรถ มีความกว้างเพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร ฐานล้อมีขนาด 2,851 มิลลิเมตร กว้างขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 41 มิลลิเมตร ทำให้บริเวณห้องโดยสารด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวาสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

สำหรับรุ่น 320d Sport เส้นสายภายนอกของ BMW 3 Series Sedan ทั้ง 2 รุ่นแข็งแกร่งและคมชัด กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบพร้อมระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้า มีการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่านช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด ด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink ออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์รูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และ ท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

BMW 3 Series Sedan ทั้ง 2 รุ่นจะมีตัวตนที่ต่างกันแต่มีความโดดเด่นในเรื่องน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นเดิม (รหัส F30) ถึง 55 กิโลกรัม เพราะใช้วัสดุอลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่าง ๆ เช่น กระโปรงและกันชนหน้า รวมถึงมิติตัวรถที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทำให้มีความคล่องตัว ขับขี่ปราดเปรียวกว่าเดิมหลายเท่า

ทดสอบสมรรถนะการขับขี่

สำหรับการทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 ในครั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมจะได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ในด้านต่าง ๆ ใน 3 ด่านทดสอบ ตั้งแต่การทดสอบความเร็วจากขุมพลังของเครื่องยนต์บนสนามแข่ง การทดสอบความคล่องตัวและความปราดเปรียวในการขับขี่แบบ Gymkhana พร้อมการทดสอบฟังก์ชั่น Reversing Assistant ในบีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport

ส่วนการทดสอบการขับขี่บนถนนจริง เปิดให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงการใช้งานรถยนต์ทั้งสองรุ่นในชีวิตประจำวัน ขณะที่ผู้ทดสอบบีเอ็มดับเบิลยู X5 จะได้ลองสมรรถนะของระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M และระบบการขับเคลื่อนต่าง ๆ บนเส้นทางแบบออฟโรด ทั้งทางลูกรัง พื้นหญ้า และเนินดินกันอย่างเต็มที่

330i M Sport

เริ่มต้นการทดสอบกับการขับขี่ 330i M Sport  ในสนามที่จัดเตรียม เพื่อให้เห็นถึงพละกำลังจากเครื่องยนต์  เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO ในสนามแข่งที่จัดเตรียมไว้ ก็ต้องจัดเต็มกับโหมด SPORT เครื่องยนต์มีพละกำลังอย่างเหลือเฟือ ทุกครั้งที่กดคันเร่งออกจากโค้งด้วย แรงบิด 400 นิวตันเมตรรถจะพุ่งออกอย่างรวดเร็ว ด้วยการออกแบบโครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50

นอกจากนี้ ตัวรถยังมีน้ำหนักที่ เบาลงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 55 กิโลกรัม ทำให้การขับขี่เพิ่มความเฉียบคม การควบคุมรถในโค้งที่มีความเร็ว ทางตรงที่มีพละกำลังอย่่างดีด้วยน้ำหนักที่ลดลง ระบบเกียร์ใหม่ซึ่ง บอกได้คำเดียวว่าประทับใจมากสำหรับการขับขี่ เพราะเกียร์มีความฉลาดอย่างเหลือเชื่อทุกครั้งก่อนเข้าโค้งเกียร์จะเชนลงเพื่อชลอความเร็วให้อัตโนมัติ พร้อมลากรอบอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เสียพละกำลังในโค้ง ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบเรื่อน การหยุดรถมาพร้อมด้วยประสิทธิภาพของชุดเบรก M POWER ทีมีความนุ่มนวลในการเบรคแต่หยุดอย่างมั่นใจ

320d Sport

เปลี่ยนรถในการทดสอบ 320d Sport จากเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PRO

สำหรับการทดสอบ ในสนามชัดเจนสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่มีความจัดจ้านน้อยกว่าเบนซิน แต่ในช่วงกลางและปลายก็ยังมีพละกำลังที่ดีตามนิสัยเครื่องยนต์ดีเซล ช่วงล่างมีความนุ่มนวลกว่า 330i แต่ก็ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเช่นกันเรียกได้ว่าบุคลิกของ 320d น่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปมากกว่าด้วยความนุ่มนวลและการประหยัดน้ำมัน  

ในสถานีต่อมา ด้วยรถ 330i กับการขับขี่แบบ Gymkhana เล็กๆแถมด้วยการทดลองฟังก์ชั่นใหม่ Reversing Assistant ช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบ เช่น อาคารจอดรถ ทางเลี้ยวเข้า หรือทางตัน ได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด โดยจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบได้เป็นระยะทางไกลสูงสุด 50 เมตร ขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกว่าตอบโจทย์สำหรับชีวิตคนเมืองได้อย่างดี พร้อมการใช้งานที่ง่าย

บีเอ็มดับเบิลยู X5

มาถึงพระเอกอีกคันสำหรับการทดสอบ บีเอ็มดับเบิลยู X5 รถยนต์คันแรกที่มาในสไตล์ Sports Activity Vehicle อย่างเต็มรูปแบบ โดยเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X5 เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานสมรรถนะและความสะดวกสบายอย่างเหนือระดับ เสริมความแข็งแกร่งให้แก่รถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicle ด้วยหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตระกูล X

บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังคงรูปลักษณ์อันเฉพาะตัวของ Sports Activity Vehicle แต่มาในดีไซน์ใหม่ที่เรียบหรูยิ่งขึ้น ด้วยพื้นผิวตัวถังที่ราบเรียบ ตัดกับเส้นสายที่เฉียบคมและดุดัน เพิ่มลุคสง่างามให้แก่  X5 รุ่นล่าสุดนี้ และนอกจากนี้ ตัวรถยังมีขนาดใหญ่ขึ้น ยาว 4,922 มิลลิเมตร กว้าง2,004 มิลลิเมตร และสูง 1,745 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกโปร่งสบายแก่ผู้โดยสาร พร้อมปริมาตรในการบรรจุของ 650-1,870 ลิตร

บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics เสริมลุคสปอร์ตด้วยขอบหน้าต่างและราวหลังคาสีดำเงา กระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีผิวอลูมิเนียมแบบด้าน พร้อมให้ความรู้สึกทรงพลังด้วยชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport และล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke

ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ มอบความรู้สึกหรูหราและมีระดับ ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม ดีไซน์ที่ลงตัว และระบบการควบคุมที่ล้ำสมัย แผงหน้าปัดดิจิทัลและจอ Control Display ได้รับการออกแบบทั้งกราฟฟิคและดีไซน์มาให้สอดรับกัน พร้อมด้วยเบาะนั่งหนังแท้ Vernasca และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ M Sport

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่โดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ ยังมีหลังคากระจกแบบ Panorama ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเก่า 30% อีกหนึ่งความพิเศษของ Sports Activity Vehicle รุ่นนี้ คือระบบ BMW Live Cockpit Professional ที่โดดเด่นด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อที่ครบครัน ส่วน BMW Head-Up Display เจเนอเรชั่นล่าสุด ขนาด 7x3.5 นิ้ว สามารถแสดงภาพกราฟฟิคสามมิติได้ ขณะที่ระบบควบคุมผ่าน iDrive, BMW Gesture Control และจอ Control Display ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ก็ยังเป็นทางเลือกเพื่อมอบที่สุดแห่งความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่

นอกจากความสะดวกสบายและความเหนือระดับยิ่งขึ้นแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู X5 ใหม่ยังสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย เบาะหลังพับได้แบบ 40 : 20 : 40 รองรับปริมาตรการบรรจุของตั้งแต่ 650 ลิตรถึง 1,870 ลิตร พร้อมประตูท้ายที่สามารถแยกเปิดสองส่วนเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายสัมภาระ ซึ่งสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า

ด้านการทดสอบสำหรับ X5  ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ Steptronic  ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งแบบ Eco Pro, Comfort, Sport และ Adaptive ลุยได้ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

เส้นทางในการทดสอบทางทีมงานได้จัดให้วิ่งนอกสนาม ปทุมธานีสปีดเวย์ เริ่มจากทางเรียบเพื่อทดสอบอัตราเร่งความเร็ว ด้วยน้ำหนักตัว 2 ตันกว่า คันใหญ่ดูเหมือนจะอุ้ยอ้าย แต่เมื่อกดคันเร่งลงไป คุณจะรู้สึกเหมือนขับรถสปอร์ทกันเลย ด้วยแรงบิด 620 นิวตันเมตร นั้นเอง ตัวรถที่มีขนาดใหญ่แต่การเก็บเสียงดีเยี่ยม มองไปที่หน้าปัดอีกทีความเร็วกว่า 150 km เรียกว่าเผลอไม่ได้เลย

ช่วงล่างให้ความมั่นใจในความเร็วสูง หมดเส้นทางออนโรด เข้าสู่เส้นทางออฟโรดแบบเบาๆไม่ลุยมากเพราะด้วยล้อขนาด 22” คงไม่เหมาะกับการลุยหนักแต่ด้วยช่วงล่างที่ดีก็ทำให้ลดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี X5 ได้ติดตั้งระบบ Reversing Assistant เช่นกัน ทีมงานได้จำลองเหตุการเหมือนเราขับหลงทางและเป็นทางตัน เพียงเข้าเกียร์ถอยกดปุ่มรถก็จะถอยเองอัตโนมัติ และด้วยรถที่มีขนาดใหญ่ทำให้การถอยออกนั้นเป็นเรื่องง่าย X5 ใหม่นี้วิ่งได้ดีในทุกๆเส้นทาง

สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการออกแบบใหม่ของ ซีรี่ส์ 3 ที่เปลี่ยนแปลงในหลายด้านเช่น แชสซีใหม่ จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ทำให้การขับขี่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซีรี่ส์ 3 แยกสไตล์รถชัดเจน ใครต้องการความแรงก็ต้องมองที่ 330i ใครต้องการการใช้งานที่ดีประหยัดก็คบกับ 320d ส่วนใครที่ต้องการทั้งสองอย่างก็ต้องมองหา X5 แต่โดยรวมทั้งหมดนี้ที่ต้องขอชมคือระบบ Reversing Assistantที่ทำออกมาได้อย่างดี ใช้งานง่ายและสามารถตอบโจทย์คนเมืองได้จริงๆ

ราคา

รถยนต์ใหม่ 2019 จากค่าย BMW ทั้ง BMW 3 Series Sedan & BMW X5 เป็นรูปแบบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยราคาดังกล่าวรวมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard แล้ว

  • 320d Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 2,959,000 บาท
  • 330i M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 3,359,000 บาท
  • X5 xDrive30d M Sport ราคาจำหน่าย: 5,699,000 บาท

เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่

มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่

 


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ