Honda City e:HEV VS Hatchback 1.0RS หรูหราหรือจะสู้สายซิ่ง Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

Honda City e:HEV VS Hatchback 1.0RS หรูหราหรือจะสู้สายซิ่ง

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 18 December 2563

หลังจากเปิดตัวเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2019 กับ Honda City ตัวถังใหม่ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเรียกว่ายอดขายจนถึงปัจจุบันทะยานเกินกว่า 60% ของรถ ฮอนด้า ทั้งหมดและเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดทางฮอนด้าจึงได้จัดกิจกรรมการทดสอบเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพ


City e:HEV city Hatchback

ครั้งนี้ฮอนด้าทำเซอร์ไพรส์ก็ว่าได้กับการเปิดตัวรถพร้อมกันถึง 2 รุ่น ในรูปแบบ City Hatchback และ City e:HEV เพื่อเป็นการตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของผู้บริโภค จึงได้กำเนิด "The City Series" ทำให้ City เป็นรถธงในการทำการตลาดของฮอนด้า สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รุ่นด้วยกัน จึงไม่แปลกเลยที่ ซิตี้ จะสร้างยอดขายได้ถล่มทลายในงานมอเตอร์เอกโปร์ ที่ผ่านมา

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของซิตี้คาร์ 2 รุ่นใหม่ ภายใต้ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก (city Hatchback) และ ซิตี้ อี:เอชอีวี (City e:HEV) น้องใหม่ เพื่อทดสอบ กับเส้นทางบนถนนจริง ให้ได้สัมผัสทั้งสมรรถนะของตัวรถและเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งฟังก์ชันการใช้งานเพื่อความสะดวกสบายระดับพรีเมียม รวมระยะทางไป-กลับ จากกรุงเทพฯ สู่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กว่า 400 กิโลเมตร 

City Hatchback


ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Energetic Hatchback” ด้วยการวาง
เส้นสายที่เฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน สะท้อนความสปอร์ต ในสไตล์แฮทช์แบ็ก มาพร้อมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED รับกับฝากระโปรงท้าย  เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น RS) และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น SV และ S+)


การออกแบบภายใน


•    หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง (เฉพาะรุ่น RS) หรือมาตรวัดเรืองแสงสีขาว (เฉพาะรุ่น SV)
•    พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
•    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น RS และ SV)


•    ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
•    ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) (ทุกรุ่น)
•    ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) (ทุกรุ่น)
•    ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 ช่อง (เฉพาะรุ่น RS และ SV)
•    ช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS)


ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ยังมาพร้อมกับ Honda CONNECT (เฉพาะรุ่น RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อ
เพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ให้คุณและรถยนต์สามารถสื่อสารกันได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ยังได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย  วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ Piano Black และมีการใช้วัสดุที่มีพื้นสัมผัสนุ่ม ให้ความรู้สึกพรีเมียม 
พื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่กว้างสบาย ภายในหรูหราและสวยงามในโทนสีดำ เบาะหนังสีดำ (เฉพาะรุ่น SV) และสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดงในรุ่น RS พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองด้วยเบาะนั่งอัลตรา ซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยน


เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด  ได้แก่ 
•    Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
•    Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
•    Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
•    Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด



ขุมพลัง city Hatchback
 

   ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก (city Hatchback)  ทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ใน ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ที่มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองอย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ขับสนุกดั่งใจด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด (7-Speed Paddle Shift) และสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 

 

City e:HEV

    ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบและพัฒนาต่อยอดจาก ฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 ภายใต้แนวคิด “Ambitious Sedan” ที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจและยกระดับการใช้ชีวิตให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยคงไว้ซึ่งดีไซน์ กระจังหน้าแบบ Gloss Black พร้อมโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark) ไฟหน้าแบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และ e:HEV ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต



การออกแบบภายใน
 

   ห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย มีความกว้างขวางสะดวกสบายในทุกมิติทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เติมอารมณ์สปอร์ตหรูด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูล การขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ช่องปรับอากาศตอนหลัง และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น


นอกจากนี้ยังครบครันด้วยมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง อาทิ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)  พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)  ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) อุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น

โลกใหม่แห่งการขับขี่กับครั้งแรกของยนตรกรรม Full Hybrid  ในเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย
 

ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ใน ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ระบบ Full Hybrid ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า  (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่  3,000 รอบต่อนาที

ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20
 

สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร สูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) 
อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

ทดสอบ City e:HEV city Hatchback

เริ่มกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของยนตรกรรมทั้ง 2 รุ่น รับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์และรายละเอียดการพัฒนา ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ และ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ที่มาพร้อมความโดดเด่นในแต่ละคันเพื่อตอบสนองทุกความต้องการที่หลากหลาย

   ออกเดินทาง ขับบนเส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา สื่อมวลชนจะถูกแบ่ง เป็น 2 กลุ่ม  เพิ่อจะได้สัมผัสกับทั้ง 2 ขุมพลังเต็มที่ ขาไปทีมงานได้ขับ อี:เอชอีวี ก่อน สัมผัสแรกภายในห้องโดยสารเหมือนเดิมแต่ที่รู้สึกต่างคือ หน้าจอแบบ TFT และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน เต็มระบบ ควบคุมทุกอย่างเพียงปลายนิ้ว อีกจุดที่แตกต่างคือ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)และ ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold) 

ขับเข้าทางด่วนมุ่งหน้าเขาใหญ่ สิ่งที่รู้สึกได้สำหรับ ซิตี้ อี:เอชอีวี คือความนุ่มนวลในการขับขี่ ตั้งแต่ช่วงล่างและเครื่องยนต์ ให้การตอบสนองค่อนข้างดีอัตตราเร่งช่วงต้นดี แต่ในช่วงกลางและปลายหายไปบ้างในช่วงตัดต่อกำลังกับเครื่องยนต์ ตัวเลขแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร คาดหวังว่าจะแรงมาก แต่แอบผิดหวังเล็กๆเพราะด้วยระบบที่ทางฮอนด้าปรับตั้งมานั้น คาดว่าจะเน้นไปทางประหยัดมากกว่า จึงทำให้ตัวรถนั้นไม่ได้แรงไปกว่า เครื่องยนต์ 1.0 Turbo แต่ที่ดีกว่าแน่นอนคือ เรื่องการประหยัดน้ำมัน และความนุ่มสบายของช่วงล่าง เพราะเมื่อวิ่งถึงที่พักตัวเลขประหยัดทำได้ถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร แต่บางคนทำได้ถึง 26 กิโลเมตรต่อลิตร กันเลย

เรียกว่า ซิตี้ อี:เอชอีวี นั้น ออกแนวเรียบหรู ตั้งแต่ออฟชั่นที่ให้แบบจัดเต็ม เพิ่มความสะดวกสบายต่างๆทั้งในเมืองและนอกเมือง ระบบความปลอดภัย จาก 

ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง ได้แก่ 
•    ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
•    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
•    ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
•    ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
•    ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

เพิ่มความปลอดภัยพร้อมสบายในการวิ่งทางไกล เรียกว่าถ้าใครต้องการรถที่มีเทคโนโลยีสูง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบๆ ซิตี้ อี:เอชอีวี ก็น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น แต่บางท่านอาจจะมองว่าแพงใช้ครับมันแพง แต่ถ้ามองหารถระบบไฮบริดราคานี้ออฟชั่นนี้ก็ยังไม่มีในตลาด

   ขากลับจากเขาใหญ่ เปลี่ยนมาทดสอบ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก กันบ้าง ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ ภายในไม่แตกต่างจาก รุ่นซีดาน แต่ที่สวยกว่าคือกรอบครอบแอร์ที่เป็นสีดำทำให้รถดูดุขึ้นมากสำหรับภายใน และตัวเบาะที่สลับผ้าสีแดงยิ่งทำให้ตัวรถดูมีลูกเล่นมากขึ้น แต่จุดไฮไลท์ สำหรับ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก คือท้ายรถไม่ได้เอาใจวัยรุ่นเพียงอย่างเดียวแต่ประโยชน์ในการใช้งานเรียกได้ว่ามาเต็ม ถ้าคุณเป็นแฟน ฮอนด้าแจ็ส คุณก็จะรู้ถึงประโยชน์ของตัวเบาะแน่นอนแต่คิดดูว่า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก นั้นพื้นที่มากกว่าแจ็สยิ่งทำให้ประโยชน์ในการใช้งานยิ่งมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถปรับเบาะได้ถึง 4 รูปแบบ

ด้านการขับขี่ วิ่งออกจากเขาใหญ่ตามเส้นทางเขา เครื่องยนต์ 1.0Turbo ยังคงทำงานได้ดีเหมือนเดิม ให้อัตราเร่งที่ดีพร้อมทั้ง ความเร็วปลายแบบไม่มีหมด ถ้าเทียบกับ เครื่องยนต์ อี:เอชอีวี นั้น ส่วนตัวมองว่าขับขี่ได้สนุกกว่ามาก ช่วงต้นอาจจะไม่ต่างมากนัก แต่ในช่วงเร่งแซงหรือต้องการทำความเร็วนั้น เครื่อง 1.0 ตอบสนองได้ดีกว่าชัดเจน ในเรื่องเสียงภายในห้องโดยสารต้องยอมรับว่ารถในรูปแบบ แฮทช์แบ็ก นั้นจะมีเสียงเข้ามาภายในห้องโดยสารมากกว่า รถซีดาน แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป พวงมาลัยเฉียบคมควบคุมได้ดังใจ ช่วงล่างรู้สึกได้ถึงความแข็งแต่นั้นก็ทำให้ตัวรถขับขี่ในความเร็วสูงได้ดีกว่า อี:เอชอีวี แต่เสียดายในเรื่องระบบเบรค ซิตี้ แฮทช์แบ็ก นั้นด้านหลังยังเป็น ดรัมเบรค ในช่วงความเร็วสูงนั้นอาจจะเสียวๆได้ ซึ่งต่างจาก อี:เอชอีวี ที่เป็น ดิสค์ทั้ง 4 ล้อ ทำให้รู้สึกดีกว่า

ซิตี้ แฮทช์แบ็ก นั้นทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกกลุ่ม จริงๆตั้งแต่วัยรุ่น จนวัยทำงาน เพราะตัวรถนั้นออกแบบมาเพิ่มประโยชน์อย่างแท้จริง ฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆที่มีมาให้เรียกว่าเพียงพอสำหรับผู้ใช้งาน ทั้งเรื่องการขับขี่ที่สนุกสนาน ออฟชั่นภายใน การประหยัดน้ำมันถึงแม้จะสู้ ระบบไฮบริดไม่ได้แต่ก็ไม่แย่ กลับถึง กรุงเทพฯสามารถทำตัวเลยได้ถึง 17 กิโลเมตรต่อลิตร 

สรุปสำหรับ City e:HEV&city Hatchback

  เรียกว่าตั้งแต่เปิดตัวมายอดขาย แรงอย่างต่อเนื่อง และทั้งสองรุ่นแตกต่างอย่างชัดเจน และเมื่อเราได้ทดสอบยิ่งได้เห็นถึงความต่างที่ชัดเจน ถ้าคุณมองหารถใช้งานขับขี่แบบสนุกสนาน ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ก็จะเป็นคำตอบ แต่ถ้าเป็นสายหรูขับขี่ สบายๆในเมือง ชอบเทคโนโลยี ซิตี้ อี:เอชอีวี ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดี

city Hatchback ให้อารมณ์ เหมือนคุณเป็นเด็กต้องการรถแต่งขับไปมหาลัย แบบว่าออกจากโรงงานไม่ต้องทำอะไรกับมัน เครื่องยนต์สามารถปรับแต่งง่าย สะกิดนิดเดียวแรงแบบไม่ต้องพยายาม ของเล่นในตลาดสายฮอนด้ารู้ดีว่ามีเยอะมาก พร้อมทั้งประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลายในการพับเบาะ จึงไม่แปลกที่ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก จะได้รับความนิยม 

ข้อเสีย

1 เบรคหลังยังเป็นดรัมเบรค

2 เสียงที่เข้าห้องโดยสารเยอะกว่าตัวซีดาน

สี city Hatchback
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS 
สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วย สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และ SV 
สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น S+
ราคาcity Hatchback
•    รุ่น RS        ราคา 749,000 บาท
•    รุ่น SV        ราคา 675,000 บาท
•    รุ่น S+        ราคา 599,000 บาท

City e:HEV เป็นรถที่ให้อารมณ์ แบบเดียวกับ Accord Hybrid ย่อส่วนลงให้มีขนาดกระทัดรัดขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ ถ้าคุณต้องการรถประหยัดน้ำมัน วิ่งแบบเงียบๆในเมือง นุ่นนวล 

ข้อเสีย ซิตี้ อี:เอชอีวี

1 ราคาที่แพงทำให้ตัวเลือกในตลาดเพิ่มมากขึ้น 
2 หน้าตาไม่แตกต่างจากตัวซีดานมากนัก  ถ้าเปลี่ยนกระจังหน้าแบบโครเมียม ชุดแต่งในแบบหรูหราขึ้นกว่านี้ เบาะนั่งเป็นหนังหรือปรับไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้รู้สึกต่าง 

3 ไม่เหมาะในการวิ่งความเร็วสูง 

สี  City e:HEV
ฮอนด้า อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) 
สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
ราคา City e:HEV
รุ่น e:HEV RS    ราคา 839,000 บาท

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ