MG HS PHEV ประหยัดแทบไม่ต้องเติมน้ำมัน มั่นใจด้วยแบตเตอรี่มาตรฐานระดับโลก

MG HS PHEV รถปลั๊กอินไฮบริด ที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลสูงสุด 67 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง* มาพร้อมการดีไซน์ที่หรูหรา และ เทคโนโลยีอันล้ำสมัยมากมาย ผู้ใช้งานมั่นใจตลอดการขับด้วยแบตเตอรี่ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก AMERICAN UL2580 และ IP67

หากดูราคารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มีขายอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะมีราคาไม่ต่ำกว่าสองล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าแพงเอาเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าของถูกและดีจะไม่มีในโลก เพราะ ค่ายรถที่ถือเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง MG ได้เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ด้วยรถเอนกประสงค์ MG HS PHEV ยนตกรรมปลั๊กอินไฮบริด ในราคาเร้าใจ 1.359 ล้านบาท

หากใครที่เคยขับรถยนต์ไฮบริดมาก่อน คงทราบกันดีว่า รถไฮบริดเป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน เพราะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า พูดง่ายๆก็คือ เครื่องยนต์จะไม่ได้ติดอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ประหยัดน้ำมัน แต่ความประหยัดของรถยนต์ไฮบริด ก็ยังไม่อาจสู้ความประหยัดของ รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดได้

เครื่องยนต์ไฮบริด กับ ปลั๊กอินไฮบริด ต่างกันอย่างไร ?

ระบบไฮบริด จะมีมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดเล็กจึงยังต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งพลังงานหลักโดยระบบจะชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากการชะลอความเร็วรถ

ระบบปลั๊กอินไฮบริด เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ไฮบริด โดยสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ได้โดยตรงผ่านการเสียบปลั๊ก อีกทั้งยังมีขนาดความจุของแบตเตอรี่ที่มากกว่า และมอเตอร์ไฟฟ้าก็มีขนาดที่ใหญ่กว่า จึงวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า ประหยัดเชื้อเพลิงกว่า อย่างเช่น MG HS PHEV ที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 67 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง*

ทำความรู้จัก กับเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ใน MG HS PHEV

MG HS PHEV ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีพละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร จากขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร มีระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ที่ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 0.2 วินาที ตอบสนองได้อย่างทันใจ และเพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

แบตเตอรี่ใน MG HS PHEV เป็นแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ขนาด 16.6 kWh ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง* นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hairpin Design ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถดึงสมรรถนะของการส่งกำลังและลดอัตราการสูญเสียพลังงานได้ดียิ่งขึ้น

และที่สำคัญคือ แบตเตอรี่ของ MG HS PHEV ได้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งเป็นมาตรฐานในการป้องกันน้ำ และฝุ่น อีกทั้ง ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย AMERICAN UL2580 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลก จากสถาบัน UL (UNDERWRITER LABORATORIES INC.) ซึ่งเป็นการทดสอบภายใต้สภาวะต่างๆ 8 เรื่อง ได้แก่ ไฟฟ้าลัดวงจร, ฝุ่นละออง, การบีบอัด, การกัดกร่อนจากน้ำเกลือ, การทำให้เปียกน้ำ, การเผาไหม้, การชนปะทะ และการตกกระแทก จึงทำให้มั่นใจได้ในทุกการขับขี่

เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ยาวนานถึง 8 ปี เรียกได้ว่าใช้กันไปยาวๆ แบบไม่ต้องกังวล และยังมีเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบ Module ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเฉพาะโมดูลที่เสียหายได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดค่าบำรุงรักษาในระยะยาวได้อีกด้วย

MG HS PHEV ดีไซน์ภายนอก

MG HS PHEV ภายนอก ดูหรูหรา กระจังหน้าขนาดใหญ่เอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจีแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) มีเรดาห์สำหรับกะระยะ ทำงานร่วมกับกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้า นั่นหมายความว่า ฟังก์ชั่นของเจ้า MG HS PHEV คันนี้มีระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันมาให้ด้วยครับ

ไฟท้าย LED Space Light Field ที่มีความโฉบเฉี่ยว และไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่แสดงผลแบบไล่ระดับ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า ภายนอกหากมองรวมๆแล้ว จะเหมือนกับ MG HS รุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา เลยครับ แต่ต่างกันที่ในรุ่น MG HS PHEV ได้ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่สไตล์ Thunder Wing Blade ขนาด 18 นิ้ว

MG HS PHEV ดีไซน์ภายใน

ภายใน MG HS PHEV คันนี้เป็นสี 2-Tone MONACO BLUE น้ำเงินตัดกับสีขาว ดูหรูหราสะอาดตา เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ทรงสปอร์ต ออกแบบให้มีความโค้งมนโอบรับสรีระ วัสดุภายในเป็นแบบสัมผัสนุ่ม Soft Touch ครอบคลุมทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

หน้าจอเครื่องเล่นขนาด 10 นิ้ว แบบทัชสกรีน มีฟังก์ชั่นหลากหลาย เช่น ดูปริมาณแบตเตอรี่พร้อมระยะทางที่สามารถวิ่งได้,แผนที่นำทาง,ภาพรอบคัน 360 องศา,ปรับแอร์,ดูแรงดันลมยาง,ระบบความบันเทิงครบครัน มีเพลงออนไลน์ใน True ID Music และสามารถรับข่าวสารผ่านหน้าจอจากเว็บ Sanook ได้อีกด้วยครับ