EV Talk EP 4 รวม App ต้องมี สำหรับรถไฟฟ้า และถ้าแบตจะหมด ต้องทำยังไง ? Share this
EV Talks (Video)
โหมดการอ่าน

EV Talk EP 4 รวม App ต้องมี สำหรับรถไฟฟ้า และถ้าแบตจะหมด ต้องทำยังไง ?

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 28 July 2565

รถยนต์ไฟฟ้า ถ้าแบตไม่พอ ต้องทำยังไง มีวิธียืดระยะทางขับชั่วคราวหรือไม่ แล้ววิธีหาสถานีชาร์จต้องหายังไง เห็นสถานีชาร์จมีเยอะเหลือเกิน มีวิธีหาแบบรวมทั้งหมดไหม? วันนี้มีคำตอบครับ


รถยนต์ไฟฟ้า แบตไม่พอ ทำยังไง?

การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเดินทางไกล แทบจะไม่แตกต่างจากรถยนต์น้ำมัน เพราะมันก็เป็นยานพาหนะเหมือนกัน แตกต่างกันเพียงรูปแบบพลังงานเท่านั้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนอย่างแน่นอนนั่นคือเรื่องของฟีลลิ่งการขับขี่ ที่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีความกระชับกว่าก็ได้ หรือจะนุ่มนวลกว่าก็ทำได้ เพราะเค้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งไม่มีเสียงรบกวน แถมไม่มีแรงสั่นสะเทือนในห้องโดยสารอีกด้วย

ทีนี้ การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญอีกอย่างนั่นคือ ระยะทางที่สามารถขับขี่ต่อไปได้กับปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือ มันก็เหมือนกับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่คงเหลืออยู่ จะส่งผลโดยตรงต่อระยะทางที่ขับขี่ต่อไปได้ด้วยนั่นเอง แต่น้ำมันเนี้ย หาที่เติมได้ง่าย ส่วนไฟฟ้า ถ้าจะหาที่เติมแบบด่วนเนี้ย ยังต้องหาบนถนนสายหลักอยู่ครับ

 

 

ความพิเศษอย่างหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือการที่มันสามารถ "เพิ่มปริมาณไฟฟ้ากลับเข้าไปในแบตเตอรี่ได้" ซึ่งการกระทำเช่นนี้ เราจะไม่เคยพบเจอกับรถยนต์สันดาปมาก่อนแน่นอน เพราะรถยนต์สันดาปใช้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมัน รถไม่สามารถทำการผลิตน้ำมันเพื่อย้อนกลับเข้าไปยังถังน้ำมันได้

กลับกัน รถยนต์ไฟฟ้า สามารถผลิตไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้ ซึ่งรูปแบบการผลิตไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่นั้น ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีครับ แต่จะมีวิธีการหลักๆ อยู่ 2 อย่าง ได้แก่

  1. ใช้การหน่วงมอเตอร์ การหน่วงมอเตอร์ เทียบเท่าได้กับการหน่วงเครื่องยนต์ หรือ Engine Brake ที่เกิดขึ้นในรถยนต์สันดาปครับ รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นตอนนี้สามารถปรับการหน่วงของมอเตอร์ได้ทั้งหมด โดยจะมีศัพท์เรียกว่า Regenerative Braking หรือ KERS ก็แล้วแต่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นๆ ตั้งชื่อให้ครับ แต่หลักการเหมือนกันหมดนั่นคือ หากผู้ขับยกคันเร่ง ตัวมอเตอร์จะทำการหน่วงความเร็วเฉื่อยที่มีอยู่ ส่งผลให้ความเร็วลดลง และระบบจะทำการผลิตไฟฟ้าจากแรงเฉื่อย ปั่นเข้าไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ทุกรูปแบบ
  2. ไหลลงจากที่สูง รูปแบบนี้เหมาะมากๆ สำหรับภูมิประเทศที่มีความลาดชัน อาทิเช่นการขับขึ้น-ลงดอยต่างๆ การขับรถยนต์ไฟฟ้าลงดอยนั้น คุณสามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ในปริมาณที่ค่อนข้างมาก โดยรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะสามารถปั่นไฟฟ้าได้ราวๆ 50 kW ขึ้นไป จากการขับรถไหลลงจากที่ลาดสูง ส่งผลให้เราสามารถผลิตไฟฟ้ากลับเข้ามาเป็นพลังงานขับเคลื่อนได้ค่อนข้างมาก โดยจากการทดสอบของเราด้วย ORA Goodcat 500 Ultra ขับจากอ่างเก็บน้ำสายศร ลงมาที่ด่านอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งปากช่อง ระยะทางราว 14 กม. สามารถผลิตไฟฟ้าเพิ่มเข้าสู่แบตเตอรี่ได้มากถึง 2% เลยทีเดียว (รวมการใช้คันเร่งเพื่อเร่งส่งขึ้นเนินแล้ว)

 

 

วิธีเพิ่มระยะทางขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า

เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ใช้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่เป็นพลังงานขับเคลื่อน โดยแบตเตอรี่ก็ถูกควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน ทำให้ข้อมูลต่างๆ มันมีความแม่นยำสูงมากๆ ส่งผลให้ทุกการคำนวณของตัวรถมันจะถูกคำนวณออกมาแบบทันท่วงที

คราวนี้ หากเราขับรถยนต์ไฟฟ้าเดินทางไปสักที่ อาทิเช่นขับจากพัทยามากรุงเทพ ระยะทางรวมราวๆ 140 กิโลเมตร ทว่าขณะนั้นคุณอยู่บนทางด่วน แล้วรถยนต์ของคุณบอกว่าระยะทางขับขี่ต่อไปได้คงเหลือเพียง 130 กิโลเมตร นั่นแปลว่าคุณจะขับไม่ถึงปลายทางแน่ๆ แล้วเราควรแก้ไขสถานการณ์แบบนี้อย่างไร?

วิธีเพิ่มระยะทางขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า ทำได้ดังนี้

  1. ลดความเร็วลง กว่า 90% ของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า มักจะใช้ความเร็วสูงกว่า 90 กม./ชม. ในการขับขี่ โดยเฉพาะความเร็ว 120 กม./ชม. ขึ้นไป ตัวรถก็จะยิ่งบริโภคไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ไม่แตกต่างจากรถยนต์น้ำมัน ที่ยิ่งขับเร็ว ก็ยิ่งกินน้ำมัน หากคุณขับรถยนต์ไฟฟ้าด้วยความเร็วระดับนี้ จนรถแจ้งว่าระยะทางขับขี่ไม่พอ แนะนำให้ลดความเร็วลงเหลือไม่เกิน 80-90 กม./ชม. ตัวระบบควบคุมรถจะทำการคำนวณระยะทางที่สามารถขับขี่ต่อไปได้อีก โดยสามารถขับขี่ไปได้ไกลขึ้นราวๆ 5-30% แล้วแต่ความเร็วที่คุณใช้งานในตอนแรกเลย
  2. หากใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. แล้วแบตฯ ยังคงไม่พอ แนะนำให้แวะชาร์จแบตฯ เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดครับ โดยแนะนำให้ชาร์จแค่ไม่เกิน 80% เท่านี้ก็เพียงพอต่อการขับขี่ในทุกรูปแบบแล้ว เพราะช่วงการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-80% เป็นช่วงการชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นครับ

 

 

แอปฯ อะไรบ้างที่ควรติดมือถือคนใช้รถไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ติดล้อ เพราะด้วยการที่มันใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลักนั้น ส่งผลให้ทุกส่วนการควบคุมของมันใช้เป็นระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ซึ่งข้อดีก็คือมันสามารถตรวจสอบได้ง่าย และมีความแม่นยำสูงนั่นเอง โดยนอกจากแอปพลิเคชั่นของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่คุณใช้อยู่แล้วนั้น อีกหลายๆ แอปที่ควรติดมือถือไว้เลยนั่นก็คือ แอปผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และแอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จนั่นเอง

 

แอปฯ ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ PTT EV Station, PEA Volta, EleXA, EA Anywhere, MEA EV เป็นต้น โดยผู้บริการสถานีชาร์จที่เราแนะนำให้ใช้เลยนั่นคือ PTT EV Station เพราะสถานีชาร์จนี้ มักจะติดตั้งอยู่ภายในปั้มน้ำมัน ปตท. ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเราขณะรอชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอยู่อย่างครบครัน จะได้มีที่พักคอยขณะรอชาร์จรถครับ

โดยภายในแอปฯ ของผู้ให้บริการสถานีชาร์จ นอกจากใช้ควบคุมตู้ชาร์จ, ดูสถานะการชาร์จรถยนต์ และใช้ชำระเงินค่าบริการแล้วนั้น ก็สามารถค้นหาสถานีชาร์จ และใช้นำทางไปหาสถานีชาร์จได้ด้วย

 

 

แต่ถ้าหากคุณต้องการหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ให้บริการอื่นๆ ด้วย แนะนำให้ใช้แอปฯ ต่อไปนี้

  1. ChargeLOMA แอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จที่พัฒนาโดยชาวไทย โดยจะสามารถค้นหาสถานีชาร์จจากผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งหมดในประเทศไทยได้
  2. PlugShare แอปฯ ค้นหาสถานีชาร์จจากต่างประเทศ เป็นแอปฯ ที่ผู้ใช้งานทำหน้าที่แจ้งสถานีชาร์จด้วยตนเองลงไปในแอปฯ เรียกได้ว่าเป็นแอปฯ ที่ต้องให้ผู้ใช้งานช่วยกันแชร์ข้อมูลลงไปในนั้น ข้อดีคือสามารถหาสถานีชาร์จหน่วยย่อยๆ แบบที่เป็นหัวปลั๊กไฟธรรมดาได้ และสามารถดูสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั่วโลกเลย

 

 

 

 


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ