รวมศัพท์ประกันภัยรถยนต์ที่ควรรู้ ก่อนซื้อประกันรถ Share this

รวมศัพท์ประกันภัยรถยนต์ที่ควรรู้ ก่อนซื้อประกันรถ

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 12 May 2566

คำศัพท์ต่าง ๆ สำหรับการทำประกันรถยนต์นั้นมีมากมาย แต่จะมีคำศัพท์เพียงแค่ไม่กี่รูปแบบเท่านั้นที่จะพบเห็นได้บ่อยตอนคุณเลือกซื้อประกันรถยนต์


หากนักขับทุกคนรู้ความหมายเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านี้ ย่อมเข้าใจสถานการณ์และความครอบคลุมเกี่ยวกับการทำประกันภัยรถยนต์ได้อย่างถ่องแท้ ไปดูกันว่ามีคำว่าอะไรบ้าง

1.กรมธรรม์ (Policy)

สิ่งแรกที่ทุกคนจะได้ยินก่อนสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันในรูปแบบไหน นั่นคือคำว่า กรมธรรม์ (Policy) นั่นเอง กรมธรรม์ที่ว่านั้นหากจะให้คำนิยามกันอย่างชัด ๆ หลาย ๆ คนคงให้คำตอบได้ไม่เต็มปากแน่ว่ามีความหมายอย่างไร แต่พื้นฐานความหมายในคำนี้คือ หนังสือที่ระบุข้อตกลงต่าง ๆ ในการทำประกันระหว่างเจ้าของรถกับผู้รับผิดชอบในการดูแลประกันภัยรถยนต์ให้กับคุณ โดยที่ในหนังสือนี้จะมีการระบุรายละเอียดต่าง ๆ โดยเฉพาะ เบี้ยประกัน ระยะเวลาเอาประกัน และจำนวนเงินเอาประกัน เป็นต้น

2.ผู้รับประกัน / ผู้เอาประกัน / ผู้รับผลประโยชน์

ในการทำประกันภัยให้กับรถยนต์ในแต่ละครั้งจะมีผู้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สำหรับการทำประกันอยู่สามรายได้แก่

  • ผู้รับประกัน หมายถึง ผู้รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายเมื่อมีเหตุอันใดเกิดขึ้นกับรถของคุณ หรือทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ คือ บริษัทประกันภัยที่คุณสมัครนั่นเอง
  • ผู้เอาประกัน หมายถึง คู่สัญญาที่ซื้อประกันจาก ผู้รับประกัน หรือบริษัทประกันภัย นั่นคือ ตัวของผู้ซื้อประกันรถยนต์
  • ผู้รับผลประโยชน์ ในส่วนนี้เป็นรายละเอียดเพิ่มเติม นั่นคือ เป็นการมอบสิทธิ์ในความคุ้มครองให้กับบุคคลอื่นตามที่ผู้ทำประกันได้ระบุไว้ อาจเป็นได้ทั้งตัวผู้ทำประกันเอง หรือ บุคคลอื่น อาทิ รถยนต์เกิดความเสียหายในขณะที่ยังผ่อน ในการทำประกันมักระบุให้เป็นบริษัทที่จำหน่ายรถยนต์จะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดเป็นต้น

3.ทุนประกัน (Sum Insured)

คือ วงเงินสำหรับการขอรับประกันในกรณีต่าง ๆ สำหรับการซ่อมแซม หรือชดเชยค่าเสียหาย สามารถทำทุกอย่างได้ตามจำนวนทุนประกันที่มี เช่น ทำทุนประกันไว้ที่ 150,000 บาท นั่นหมายถึงมีวงเงินสำหรับการซ่อมแซมรถคือ 150,000 บาทเท่านั้น และต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าซ่อมได้กี่ครั้ง และซ่อมในกรณีไหนบ้างอีกด้วย

4.ค่าสินไหมทดแทน (Claim Amount)

หลายคนสับสนในเรื่องของ ค่าสินไหมทดแทน กับ ทุนประกัน ด้วยเข้าใจว่าเป็นตัวเดียวกัน สำหรับทุนประกันคือวงเงินทั้งหมดที่ประกันภัยรถยนต์ครอบคลุมอยู่ แต่สินไหมทดแทนคือ ค่าเสียหายที่บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบอุบัติเหตุ หรือการซ่อมแซมอย่างหนึ่งอย่างใดตามค่าใช้จ่ายจริง แต่ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะไม่เกินจำนวนทุนประกันทั้งหมด

5.ประกันรถยนต์ภาคบังคับ / ภาคสมัครใจ

สำหรับรถยนต์ทุกประเภทในประเทศไทยจะต้องมีการทำประกันเอาไว้ด้วย นั่นคือประกันรถยนต์ภาคบังคับหรือที่ทุกคนรู้จักในชื่อของ พ.ร.บ. นั่นเอง ความครอบคลุมของ พ.ร.บ. จะดูแลเฉพาะตัวผู้ขับขี่และคู่กรณีเท่านั้นโดยมีวงเงินดูแลจำนวน 500,000 บาท กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวรสิ้นเชิง

และหากต้องการการดูแลจากประกันรถยนต์เพิ่มเติม เจ้าของรถทุกคนยังสามารถเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจได้อีกด้วย ที่เราเข้าใจกันด้วยคำง่าย ๆ ว่า ประกันชั้น 1,2,3 เป็นต้น ความคุ้มครองต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับแผนประกัน และเบี้ยประกันที่เราเลือกจ่ายให้บริษัทประกันนั่นเอง

6.ค่าความเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ (Excess) / ภาคสมัครใจ (Deductible)

เป็นคำที่เจ้าของรถทุกคนต้องศึกษาเอาไว้ให้ดี เพราะยามมีเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาแล้วมาเจอคำนี้จะทำให้ไม่เข้าใจพาลโมโหบริษัทประกันภัยด้วย เพราะในรูปแบบการทำประกันนั้น ในบางกรณีผู้ขับขี่จะต้องชำระค่าเสียหาย หรือค่าซ่อมแซมในเบื้องต้นด้วยตนเองก่อน

สำหรับความหมายของ ค่าความเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ (Excess) เป็นส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถเบียดเสาถลอก เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มีจำนวนเงินเจ้าของรถต้องเป็นผู้ออกค่าความเสียหายก่อนที่ประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อเหตุการณ์

และในส่วนของค่าความเสียหายส่วนแรก ภาคสมัครใจ (Deductible) จะต้องใช้ต่อเมื่อผู้เอาประกันเป็นผู้กระทำผิดในอุบัติเหตุนั้น ๆ โดยทางผู้เอาประกันจะต้องชำระค่าเสียหายในส่วนแรกตามกรมธรรม์ได้ระบุเอาไว้ โดยส่วนใหญ่มีจำนวนประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อเหตุการณ์ ด้วยเช่นกัน

7.ซ่อมห้าง / ซ่อมอู่

เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์สำคัญที่ทุกคนต้องเจอนับตั้งแต่วันแรกในการทำประกัน นั่นคือ ทางบริษัทประกันจะให้คุณเลือกทำประกันรถยนต์ในสองรูปแบบ คือ การซ่อมห้าง หมายถึงการซ่อมกับบริษัทผู้ผลิตรถโดยตรง ส่วนการซ่อมอู่ คือ การนำรถเข้าซ่อมกับอู่ซ่อมรถที่อยู่ภายใต้สัญญาการทำประกันกับทางบริษัท

โดยที่การซ่อมอู่นั้นจะต้องดูเงื่อนไขให้ดีว่า ซ่อมอู่ใดได้บ้าง และถ้าไปซ่อมอู่อื่นที่ไม่ใช่อู่ในสังกัดทางบริษัทจะรับผิดชอบหรือไม่ และที่สำคัญ หากต้องการซ่อมกับบริษัทรถยนต์ผู้ผลิตโดยตรง การทำประกันแบบซ่อมอู่จะไม่สามารถชำระค่าเสียหายได้เลย

ข้อแตกต่างของการทำประกันในรูปแบบของการซ่อมห้างและซ่อมอู่ คือ เบี้ยประกันนั่นเอง การทำประกันแบบซ่อมอู่ย่อมมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่นั่นหมายถึงการดูแลที่ลดระดับ และมีข้อจำกัดในการหาอู่เข้าซ่อมนั่นเอง

8.เคลมสด / เคลมแห้ง

อีกหนึ่งคำศัพท์สำคัญที่ทางผู้เอาประกันต้องรู้ไว้กับความหมายของคำว่า เคลมสด/เคลมแห้ง ที่มักเข้าใจกันว่าเป็นรูปแบบการทำประกันที่ลูกค้าต้องจ่ายเงิน (เงินสด) ในการจัดการก่อน หรือไม่ต้องจ่ายเลย (แห้ง) ที่ถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก

ความจริงแล้วสำหรับการเคลมสด หมายถึง การติดต่อบริษัทประกันเพื่อทำการดำเนินเรื่องในทันที ส่วนมากแล้วจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี จะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทติดต่อประสานงาน ณ ที่เกิดเหตุพร้อมออกใบเคลมประกันให้ ส่วนในการเคลมแห้ง หมายถึงการเกิดความเสียหายใด ๆ กับตัวรถมาแล้วช่วงเวลาหนึ่งแล้วถึงค่อยแจ้งเคลมประกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบของการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีนั่นเอง

และทั้งหมดนี้ ก็คือคำศัพท์ประกันภัยรถยนต์ที่ควรรู้ เบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้ทุกจังหวะการตัดสินใจเลือกซื้อประกัน และนำรถเข้ารับบริการยามเกิดเหตุไม่เป็นใจจะสามารถทำตามขั้นตอนของการขอรับประกันได้อย่างครบถ้วนก่อนซื้อประกันรถ

ที่มา : ประกันรู้ใจ

อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ