คู่แข่งของ Tesla ในประเทศไทย เป็นใครกัน?

การมาของเทสลา ประเทศไทย เรียกได้ว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนใจสำหรับวงการณ์รถยนต์ไม่ใช่น้อย เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเทสลานั้นไม่ค่อยจะยึดติดกับธรรมเนียมปฎิบัติดั่งเดิมของวงการรถยนต์เท่าใดนัก

การตลาด Tesla

ปกติแล้ว การวางจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย ค่ายรถ ซึ่งเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้ารถยนต์แบรนด์นั้นๆ จะต้องทำการส่งรถไปจำหน่ายผ่านเครือข่ายดีลเลอร์ภายในประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าราคารถที่ออกมาจากหน้าโรงงาน ผ่านขั้นตอนทางภาษี, การตลาด, ต้นทุนการผลิต, การขนส่งมาแล้ว ยังต้องมาผ่าน "ส่วนแบ่งดีลเลอร์" ที่ค่ายรถต้องแบ่งให้กับดีลเลอร์ด้วย ส่งผลให้ราคารถยนต์รุ่นนั้นๆ เป็นอย่างที่เราได้เห็นกัน

โดยโมเดลการจำหน่ายรถยนต์ผ่านระบบดีลเลอร์ ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย แต่เป็นโมเดลการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้งานกัน "ทั่วโลก" จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่เราจะได้เห็นการจำหน่ายรถยนต์ผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายกันเป็นเรื่องชินตาไปแล้ว

Tesla ไม่เคยซื้อโฆษณา

Tesla ด้วยความที่เป็นบริษัทน้องใหม่ อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนๆ เพียงอย่างเดียวด้วย หากบริษัทนี้ถูกบริหารงานโดย CEO จากค่ายรถยนต์แบบดั่งเดิมปกติ เราก็คงเห็นการจำหน่ายรถยนต์ Tesla ผ่านระบบดีลเลอร์เหมือนกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ

แต่นี่ไม่ใช่กับ Tesla กับวิสัยทัศน์ของ CEO อย่าง Elon Musk ที่เค้ามีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตสูงมาก และเค้าก็สามารถสร้างความมั่งคั่งของตนเองขึ้นมาได้จากโลกอินเตอร์เน็ตนี่แหละ เค้ามีทฤษฎีว่าหากเราตัดพ่อค้าคนกลางอย่าง "ดีลเลอร์" ออกไปได้ จะทำให้เค้าสามารถจำหน่ายรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีระดับสูง ในราคาที่ถูกกว่าได้

อีกทั้งทางเทสลาเอง ก็ไม่เคยเจียดเงินแม้แต่ดอลล่าเดียวไปกับ "งบการตลาด" อีกด้วย เพราะโดยปกติแล้ว พรีเซนเตอร์รถยนต์นั้นก็มักจะใช้ผู้มีชื่อเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดารา, นักร้อง, Influencer เป็นต้น

ทว่า Tesla มีพรีเซนเตอร์เป็น CEO ของตัวเอง นั่นคือ "Elon Musk"

นอกจากนี้ กลยุทธ์สำคัญของ Tesla นั่นคือการ "ทำให้มากกว่าพูด" โดยสร้างรถออกมาให้มีความล้ำสมัย เทคโนโลยีที่ใช้งานได้ง่าย และใช้งานได้จริง รวมไปถึงประสิทธิภาพด้านการขับขี่ที่ทรงพลัง เพียงเท่านี้ก็ส่งผลให้ผู้ที่ซื้อไปก่อน เกิดการบอกต่อถึงประสิทธิภาพของตัวรถกันแบบ "ปากต่อปาก" ทำให้เทสลา ไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศความดีความชอบของรถยนต์ตัวเองเลย

คู่แข่งของ Tesla ในสหรัฐอเมริกา

ในสหรัฐอเมริกา รถยนต์เทสลามีคู่แข่งเป็น "รถยนต์ยุโรป" ด้วยพิกัดราคาที่ใกล้เคียงกัน เป็นดังนี้

1. Tesla Model S จะมีคู่แข่งเป็น BMW Series 7, Mercedes-EQS เป็นต้น
2. Tesla Model 3 จะมีคู่แข่งเป็น BMW Series 3, Mercedes-Benz C-Class เป็นต้น
3. Tesla Model X จะมีคู่แข่งเป็น BMW X6 Series, Mercedes-Benz GLS Series เป็นต้น
4. Tesla Model Y จะมีคู่แข่งเป็น BMW X3 Series , Mercedes-Benz GLC Series เป็นต้น

คู่แข่งของ Tesla ในฮ่องกง

มาดูประเทศที่ใกล้เราขึ้นมาอีกหน่อยกับประเทศฮ่องกง อันเป็นแหล่งนำเข้ารถยนต์ Tesla พวงมาลัยขวาแบบดั่งเดิม โดยราคารถยนต์ Tesla ในฮ่องกง จะเทียบกับคู่แข่งได้เป็นดังนี้

1. Tesla Model 3 จะมีคู่แข่งเป็น BMW Series 3, i4, Mercedes-Benz C-Class เป็นต้น
2. Tesla Model Y จะมีคู่แข่งเป็น BMW iX3 , Mercedes-Benz GLB Series เป็นต้น

คู่แข่งของ Tesla ในสิงคโปร์

มาดูที่ประเทศที่ใกล้เราที่สุดอย่างสิงคโปร์ โดยประเทศนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการจำหน่ายรถยนต์แพงที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วย ทว่าด้วยนโยบายรัฐบาลของสิงคโปร์ที่มีความต้องการลดการใช้งานรถยนต์สันดาป และสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ Tesla Model 3 รุ่นเริ่มต้น มีราคาวางจำหน่ายรวมจดทะเบียนแล้วราวๆ 2.9 ล้านบาท ซึ่งเทียบได้กับรถยนต์รุ่นดังต่อไปนี้

คู่แข่งของ Tesla Model 3 ในประเทศสิงคโปร์ ได้แก่ Toyota Vios, Honda City

ส่วนราคาของ Tesla Model 3 รวมค่าจดทะเบียนแล้วจะอยู่ที่ราวๆ 2.9 ล้านบาทไทย

คู่แข่งของ Tesla ในไทย

คู่แข่งของเทสลาในประเทศไทย ต้องมาดูกันว่า "ราคาวางจำหน่าย" ของเทสลา จะออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่เรามีทราบได้เพียงว่ารถยนต์เทสล่าที่จะมาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นรถยนต์ที่นำเข้าจากโรงงาน Tesla Gigafactory Shanghai ในประเทศจีน โดยหากประเมิณราคานำเข้าด้วยเกณฑ์ CIF แล้ว ราคาของ Tesla Model 3 Standard อันเป็นรุ่นเริ่มต้น ขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีราคาวางจำหน่ายไม่ถึง 2 ล้านบาท

หาก Tesla เปิดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเริ่มต้นอย่าง Tesla Model 3 Standard Range ในราคาไม่ถึง 2 ล้านบาทได้ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่ายรถยนต์ดั่งเดิมที่วางราคาจำหน่ายรถยนต์ในย่าน 1.7 - 2 ล้านบาทขึ้นไปอย่างแน่นอน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า รถยนต์ของ Tesla ถือเป็นรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ / ราคา คุ้มค่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

ทว่า ถ้า Tesla เลือกวางกลยุทธ์ด้านราคารถยนต์ ให้ไปชนตรงๆ กับรถยนต์ยุโรปเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่ผ่านมา ราคาของ Tesla Model 3 Standard Range ก็อาจจะไปถึง 2.3 ล้านบาทครับ

ส่วนรถยนต์ที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากการมาถึงของ Tesla นั่นคือรถยนต์ที่มีพิกัดราคาไม่ถึง 1.5 ล้านบาท หรือมีราคาห่างจากราคาจำหน่ายรุ่นถูกที่สุดของ Tesla มากกว่า 5 แสนบาทขึ้นไป ซึ่งระดับส่วนต่างราคา 50,000 - 500,000 บาทนั้น มักจะเป็นย่านราคาที่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อยังพอสามารถจ่ายได้ เนื่องจากหากนำไปจัดไฟแนนซ์แล้ว มียอดผ่อนต่างกันเพียงเดือนละหลักร้อยถึงหลักพันกว่าๆ เท่านั้น

Autospinn เว็บไซต์รายงานข่าวรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ เช็กวันเปิดตัวรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน และรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยทีมงานมืออาชีพ
ซื้อ-ขาย รถมือสอง ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยชัวร์ ต้องที่ ตลาดรถ One2car